สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (11 มี.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และนักลงทุนขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเปิดเผยว่า มีความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 15.4 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 1,985 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9.6 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 26.16 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,088.6 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 123.70 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 2,796.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำถูกกดดัน ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.62% แตะที่ 99.1230
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวในวันศุกร์ว่า เขาเห็นความคืบหน้าในการเจรจากับยูเครน
“เจ้าหน้าที่รัสเซียแจ้งผมว่าขณะนี้การเจรจาเริ่มมีสัญญาณบวก โดยการเจรจามีขึ้นแทบทุกวัน” ปธน.ปูตินกล่าวต่อประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุส
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%